เมื่อไหร่ถึงเรียกว่าภาวะผมร่วงผิดปกติ
การประเมินเส้นผมที่ร่วงในผู้หญิงจะใช้ค่าเฉลี่ยที่ประมาณการร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน
แต่หากประเมินร่วมกับการสระผมจะให้ค่าเฉลี่ยตัวเลขผมร่วงได้ถึงไม่เกิน 200 เส้นต่อวัน
กรณีที่มีผมร่วงมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ก็ถือว่ามีภาวะผมร่วงผิดปกติได้
เรื่องต้องรู้ก่อนรักษาผมร่วงผิดปกติในผู้หญิง
- ไม่ควรประเมินผมร่วงในขณะผมเปียก เพราะเส้นผมจะมีแรงเสียดทานมากผิดปกติ ทำให้เกิดผมขาด
- ผมขาด ไม่เหมือนกับผมร่วง
- ผมร่วง คือผม 1 เส้นที่หลุดออกมาจากรูรากผม แต่ผมขาด คือ ยังมีเส้นผมงอกปักที่หนังศีระษะอยู่ แต่มีส่วนหนึ่งขาดหรือหักออกไปแล้ว
- ผมร่วงผิดปกติ ไม่เท่ากับผมบางจากพันธุกรรม
- ผมร่วงผิดปกติ หากไม่รุนแรง หายเองได้ ถึงแม้ไม่ได้รับการรักษาก็ตาม
- ผมร่วงผิดปกติ ที่รุนแรง อาจจะทำให้เกิดภาวะผมบางชั่วคราวได้ ซึ่งเกิดจากมีเส้นผมร่วงมากเกินไป ทำให้ปริมาณเส้นผมบนหนังศีรษะลดลง เมื่อปริมาณเส้นผมมีจำนวนน้อยลง จึงดูมีภาวะผมบางขึ้น
- ส่วนผมบางจากพันธุกรรม จะมีภาวะเส้นผมที่หนังศีรษะ มีขนาดเส้นผมที่เล็กลงไปเรื่อยๆ จนกระทั้ง เส้นผมมีขนาดเล็กกว่าเดิมมาก จนดูมีภาวะผมบางเกิดขึ้น และจะบางไปเรื่อยๆ ตามอายุ หากไม่ได้รับการดูแล
โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการร่วงผิดปกติของเส้นผมแต่อย่างใด เนื่องจาก จำนวนเส้นผมบนหนังศีรษะยังมีจำนวนเฉลี่ยเท่าเดิม เพียงแต่มีขนาดเส้นผมที่เล็กลงมากขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป
ยกเว้น กรณีที่เส้นผมมีขนาดเล็กมากๆ จนกระทั้งรากผมตาย จะไม่มีเส้นผมขึ้นใหม่อีก - ผมบางจากพันธุกรรมเกิดจาก ฮอร์โมน DHT
รูปจาก trichoscan รูปซ้ายเป็นผมบางจากพันธุกรรม จะเห็นว่าเส้นผมมีขนาดเล็กลงมาก เมื่อเทียบกับด้านขวาของคนเดียว(กันตรงตำแหน่งท้ายทอย) ส่วนปริมาณจำนวนเส้นผมใกล้เคียงกัน
- ผมร่วงผิดปกติ เกิดจากสาเหตุหลายๆอย่าง เช่น การเจ็บป่วยที่รุนแรง หรือการเจ็บป่วยที่ไม่รุนแรง การมีผื่นหรือการระคายเคืองที่รุนแรง ที่บริเวณหนังศีรษะ ความเครียด การทำสีผม หรือโรคประจำตัวบางอย่าง เป็นต้น
- หากจำนวนผมร่วงไม่มาก สามารถคาดเดาได้ว่า สาเหตุอาจจะไม่ได้รุนแรงมาก เช่น เกิดจากภาวะความเครียด การทำสีผม การแพ้น้ำยาย้อมผม การเจ็บป่วยเล็กน้อย
คนไข้อาจจะเลือกที่จะไม่รักษาก็ได้ อดทนรอ เส้นผมที่ร่วงมากผิดปกติ จะค่อยๆกลับสู่ภาวะการร่วงเป็นปกติ ตามเวลาที่ผ่านไปประมาณ 3-6 เดือน - หากมีจำนวนเส้นผมที่ร่วงมากผิดปกติอย่างชัดเจน และรุนแรง มักเกิดจากสาเหตุที่รุนแรง เช่น การเจ็บป่วยที่รุนแรง การผ่าตัด ความเครียดชนิดรุนแรง เป็นต้น
ในกรณีนี้อาจจะมีผมร่วงมากจนกระทั้งเกิด ภาวะผมบางจากผมร่วงมากเกินไปตามมา ผมที่ดูบางไปนั้นจะค่อยๆกลับมาหนาเหมือนเดิม แต่ใช้วเลาอย่างน้อย 6 เดือน - การเจ็บป่วยที่รุนแรงในปัจจุบันที่เจอบ่อย เช่น การติดเชื้อ COVID , การผ่าตัดที่เจอบ่อย เช่น การผ่าตัดคลอด หรือ แม้กระทั้งการคลอดลูกทางธรรมชาติ
- ภาวะผมร่วงเรื้อรัง สามารถเจอได้ในคนไข้กลุ่มที่รับประทานรักษาโรคประจำตัวบางตัว หรือจากโรคประจำตัวบางอย่าง ร่วมถึงภาวะความเครียดเรื้อรัง
- ผมร่วงผิดปกติในวันนี้ เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว เนื่องจากเส้นผมที่มีชีวิตจะมีรากผมที่ฝังอยู่ในปลอกผม
เมื่อมีปัจจัยลบรุนแรง จนทำให้เส้นผมที่ใกล้หมดอายุขัย ใกล้จะร่วงออกมาจากปลอกผมในอนาคตอันใกล้ กลับถูกผลักดันให้เกิดการร่วงเลยในปัจจุบันแทน เลยเกิดภาวะผมร่วงผิดปกติขึ้น - เส้นผมที่กำลังจะร่วงออกจากปลอกผม จะใช้เวลาหดตัว และหลุดร่วงออกจากหนังศีรษะได้นั้น ต้องใช้เวลา
ประมาณ 3 เดือน - ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ผู้ป่วยโควิทวันนี้ จะมีผมร่วงหนักในอีก 3 เดือนข้างหน้า, คลอดบุตรวันนี้ จะมีผมร่วงหนักในอีก 3 เดือนข้างหน้า เป็นต้น
- หากจำนวนผมร่วงไม่มาก สามารถคาดเดาได้ว่า สาเหตุอาจจะไม่ได้รุนแรงมาก เช่น เกิดจากภาวะความเครียด การทำสีผม การแพ้น้ำยาย้อมผม การเจ็บป่วยเล็กน้อย
ประโยชน์การรักษาผมร่วงผิดปกติ
- ช่วงเวลาที่ผมจะต้องร่วงหนัก จะมีช่วงระยะเวลาที่สั้นเข้า เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่รักษาภาวะผมร่วงผิดปกติ
- สามารถลดปริมาณเส้นผมที่ร่วงได้ สามารถลดความรุนแรงของการร่วงได้
- หากทราบสาเหตุการร่วงก่อนหน้าการร่วงได้ จะลดความรุนแรงได้มาก
เช่น ผู้ป่วยโควิทวันนี้ คาดการณืได้ว่าจะมีผมร่วงในอีก 3 เดือนข้างหน้า แต่รับการรักษาดูแลเดือนแรกๆตั้งแต่ ก่อนการร่วงเลย จะลดความรุนแรงของผมร่วงได้มากกว่า
ผู้ป่วยโควิทที่มารับการรักษาตอนเริ่มมีผมร่วงแล้ว - การรักษาดูแลทำให้เส้นผมที่จะขึ้นใหม่ ขึ้นได้เร็วขึ้นมาก
- เส้นผม หนาได้เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับการไม่ได้รักษา
- เส้นผมที่ผ่านการดูแลรักษาไปแล้ว จะมีความแข็งแรงของรากผมมากขึ้น เมื่อกลับไปเจอปัจจัยลบต่างๆ เช่น ภาวะความเครียดรุนแรงเรื้อรัง ก็จะทำให้ปริมาณเส้นผมที่ต้องร่วง ลด
ปริมาณ ลดความรุนแรงของการร่วงลงไปได้
ผมบางจากพันธุกรรมในผู้หญิง
- เส้นผมมีขนาดเล็กลงจาก DHT หากมีขนาดเส้นผมที่เล็กลงมากกว่าเส้นผมปกติ จะเห็นภาวะผมบางขึ้น
- จำนวนผมร่วงต่อวันมักจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นมีภาวะผมร่วงผิดปกติเข้ามาปนด้วย
- ผมจะค่อยๆบางไปตามอายุที่มากขึ้น เช่น ในคนๆเดียวกัน อายุ 40 ปี จะมีผมบางมากกว่าอายุ 30 ปี
- คนที่มีกรรมพันธุที่รุนแรงกว่าจะมีภาวะผมบางเร็วกว่า และมากกว่า
- หากไม่ได้รักษา หรือดูแล เส้นผมจะค่อยๆบางไปตามเวลาที่ผ่านไป ระดับการเปลี่ยนแปลง ว่าบางเร็วหรือบางช้า ขึ้นกับความรุนแรงของพันธุกรรม
- เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงผมบางจากพันธุกรรม จะมีภาวะผมร่วงผิดปกติจากสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วยเป็นระยะๆ เช่นการเจ็บป่วย ความเครียด ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้น
ทำให้รู้สึกผมบางเร็วขึ้นได้
ตกลงผมร่วงหรือผมบางจากพันธุกรรมกันแน่?
- ข้อมูลที่ชี้แจงไป เป็นข้อมูลทางการแพทย์เพื่อขยายความเข้าใจ เป็นประโยชน์ต่อคนไข้ ในการดูแลเส้นผมในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม แพทย์ที่ดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ จะเป็นผู้ตรวจและประเมิน ให้ว่าท่านเองว่า ท่านมีปัญหาเรื่องมีภาวะผมร่วงผิดปกติ หรือมีภาวะผมบางจากพันธุกรรม หรือมีทั้งสองภาวะ
การรักษาผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรมที่ดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ คลินิก
- การรับประทานวิตามินต่างๆ หรือยาต่างๆตามความเห็นแพทย์ เพื่อลดปริมาณการหลุดร่วง และช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงมากขึ้น กลับมางอกใหม่ได้เร็วขึ้น
- การใช้ยาทาภายนอกชนิดต่างๆ ที่ให้ผลการรักษาที่ดี ตามหลักฐานงานวิจัยทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับ ว่ามีผลในการรักษาภาวะผมร่วงผิดปกติ
- แชมพูเฉพาะ ใช้ปรับพื้นฐานหนังศีรษะให้สะอาดขึ้น ลดน้ำมันที่อยู่ในรูเส้นผม (hair follicle) โดยไม่ทำให้หนังศีรษะแห้ง มีผลต่อเนื่องทำให้ปริมาณ DHT ที่ปริมาณ hair bulb ลดลง เป็นการลดปัจจัยลบที่ทำร้ายเส้นผม
แชมพูจะช่วยลดภาวะการเกิด ต่อมไขมันอักเสบ (seborrheic dermatitis) หรือที่เรียกว่าเซบเดริม์ได้ด้วย ทำให้ภาวะผมร่วงแฝงที่เกิดจากภาวะผื่น หรือภาวะน้ำมันเกินที่หนังศีรษะลดลงได้
ค่าใช้จ่ายในการรักษาผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรมในแต่ละเดือน
- set ค่าใช้จ่าย 1,950 บาทต่อเดือน (fix ค่าใช้จ่ายต่อเดือน) โดยชนิด หรือปริมาณของยารับประทานหรือวิตามิน และการใช้ยาทาภายนอกชนิดต่างๆ ร่วมในแต่ละเดือนนั้น แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้ตามความเหมาะสมตามลักษณะของคนไข้แต่ละคน
- คนไข้ผมร่วงผิดปกติ แนะนำให้รักษาประมาณ 1 รอบ เส้นผม คือประมาณ 3 เดือน ในกรณีหากเส้นผมหยุดร่วงเร็วก่อน 3 เดือน
เช่น ประมาณ 1 เดือน เส้นผมกลับมาร่วงเป็นปกติแล้ว คนไข้สามารถหยุดการรักษาได้ หรือจะเลือกดูแลต่อก็ได้ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นผม และหนังศีระษะ
ในอนาคตเมื่อเจอปัจจัยลบใหม่ เส้นผมที่แข็งแรงมากขึ้นแล้วจะมีการร่วงของผมที่น้อยลง - คนไข้ผมบางจากพันธุกรรม แนะนำใช้ยาใน set อย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 3 เดือน จะเริ่มเห็นผมที่หนามากขึ้น หลังจากนั้น แนะนำใช้ยาทาต่อเนื่องจนกระทั้งเส้นผมขึ้นหนาจนพอใจ
หลังจากนั้น จะเข้าสู่ระยะยังสภาพเส้นผม แนะนำให้ใช้ยาอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อคงสภาพเส้นผมที่หนาเอาไว้
โดย set ยาต่อเดือนในช่วงคงสภาพเส้นผมนั้น set ยาต่อเดือน จะใช้ได้มากกว่า 1 เดือน โดยคนไข้สามารถบริหาร set ยาเองได้ หรือซื้อยาแยกเป็นตัวๆได้
- คนไข้ผมร่วงผิดปกติ แนะนำให้รักษาประมาณ 1 รอบ เส้นผม คือประมาณ 3 เดือน ในกรณีหากเส้นผมหยุดร่วงเร็วก่อน 3 เดือน
ข้อควรทราบ
- คนไข้ผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องผมบางจากพันธุกรรมไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาปลูกผมแต่อย่างใด แนะนำให้ใช้ set รักษาที่ทางคลินิกจัดให้ก็เพียงพอในการดูแลแล้ว
เพราะถึงแม้การรับประทานยาปลูกผมจะได้ผลการรักษาที่ดีกว่า แต่ก็มีข้อจำกัดที่มากกว่า เช่น มีขนที่ขึ้นตามตัว ตามใบหน้า เป็นต้น - โดยปกติ ดีเพ็ญ – วรฤทธิ์ คลินิกจะไม่ได้ให้ยารับประทานปลูกผมในคนไข้ผู้หญิง หากคนไข้คนไหนต้องการรับประทานยาปลูกผม ให้แจ้งแพทย์เพิ่มเติมเอง เพื่อขอความเห็นได้
- การทำการรักษาเสริม เช่น Fractional Laser หรือ mesohair เสริม อาจจะเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการเร่งผลการรักษาให้ไวขึ้น และทำในช่วงเดือนแรกๆของการรักษา เมื่ออาการดีขึ้นแล้วก็สามารถหยุดทำได้
แล้วใช้ set ดูแลที่คลินิกให้ไปต่อเนื่อง เพื่อคงสภาพเส้นผมที่ดีไว้ - การใช้ set ดูแลผม ของทางดีเพ็ญ – วรฤทธิ์ คลินิก นั้น สามารถดูแล รักษาผมร่วงผิดปกติและคนไข้ผมบางจากพันธุกรรมที่ยังบางไม่มาก ให้ผลดีในระดับที่น่าพอใจแล้ว
โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำการรักษาวิธีอื่นๆร่วมด้วยแล้ว เช่นการทำ Fractional Laser หรือ mesohair , LLLT เป็นต้น
ส่วนคนไข้ผมบางจากพันธุกรรมหากมีภาวะรุนแรงอาจจะพิจารณาทำควบคู่กันกับการใช้ set ดูแลได้
- คนไข้ผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องผมบางจากพันธุกรรมไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาปลูกผมแต่อย่างใด แนะนำให้ใช้ set รักษาที่ทางคลินิกจัดให้ก็เพียงพอในการดูแลแล้ว
การรักษาเสริม หรือการรักษาทางเลือกที่ดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ คลินิก
- Dual FMC ( Fractional microcell + micro-mesotherapy)
ปัจจุบันการมีการยอมรับว่าการใช้ Fractional Laser (fraxel, finescan, fotona,และอื่นๆ) รวมถึง Fraction needle with RF มีประโยชน์ในการรักษาผมบางจากพันธุกรรม และช่วยเรื่องผมร่วงรุนแรงได้
- Fractional microcell จะปล่อยตัวคลื่น RF ผ่าน micro-needle ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นคลื่นความร้อน ส่งผลให้มีการกระตุ้น
การไหลเวียนของเลือดของปลายรากผมได้ดี เมื่อระบบไหลเวียนโลหิตบริเวณรากผมดีขึ้น สารอาหารต่างๆ รวมถึง อ๊อกซิเจนจะถูกลำเลียงเข้าสู่รากผมได้ดีมากขึ้น
โดยตัวเลเซอร์ RF ไม่มีอันตรายต่อเนื้อเยื่อต่างๆโดยรอบ อีกทั้งยังสามารถกระตุ้น cell รากเส้นผมได้เป็นบริเวณกว้าง และมีความลึกที่พอดี ใกล้เคียงตำแหน่งปลายรากผม
เส้นผมจะแข็งแรงขึ้น และมีขนาดเส้นผมที่โตขึ้นได้ - Micro-mesotherapy : micro-needle ที่ใช้จะสร้าง ช่องขนาดเล็กๆกระจายตามหนังศีรษะที่ทำ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารบำรุงเส้นผมและรากผม (cocktail พิเศษ) ที่ดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ ใช้ร่วมกับ dual FMC โดยที่ไม่ได้ทิ้งแผลอะไรไว้ และไม่ต้องฟักฟื้น
หลังทำ สามาถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ โดยผล micro-mesotherapy ร่วมกับการทำ Fractional microcell นั้นจะให้ผลการรักษาที่น่าพึ่งพอใจมากกว่า การทำ meso-hair เพียงอย่างเดียว หรือการทำ fractional laser เพียงอย่างเดียว - สารบำรุงเส้นผม รากผม (cocktail พิเศษ) จะทำหน้าที่บำรุงรากผม และกระตุ้นรากผมให้สร้างเนื้อผม (hair matrix) มากขึ้น ตามหน้าที่ของ coctail แต่ละชนิดที่ใช้ ทำให้ผมที่บางหนาขึ้น มีปริมาณและขนาดที่เพิ่มมากขึ้น
- ค่าใช้จ่าย Dual FMC (Fractional microcell + micro-mesotherapy) + cocktail ราคา 5,000 บาทต่อครั้ง โดยปกติแนะนำทำเดือนละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3 ครั้ง หรือจนกระทั่งเห็นผลที่พึ่งพอใจ
- Meso Hair คือการการใช้เข็มสะกิด หรือผ่านเครื่องมือช่วยยิง บริเวณหนังศีรษะให้เกิดรูเล็กๆ และใช้สารที่มีประโยชน์ต่างๆ (cocktail) ในการดูแลเส้นผมปล่อยซึมเข้าหนังศีรษะ เป็นวิธีที่ใช้ในการกระตุ้นรากผม และส่งสารอาหารที่จำเป็น เข้าสู่เส้นผม หนังศีรษะได้โดยตรง
ทางคลินิกไม่มีบริการนี้ เนื่องจาก ทางคลินิกเห็นว่าการทำ dual FMC จะให้ผลการรักษาที่ดีกว่า
- PRP (platelet rich plasma)
ปัจจุบันวิธีนี้เป็นที่ยอมรับว่า สามารถรักษาผมบางจากพันธุกรรมได้ผล หากคนไข้สามารถทำต่อเนื่องได้
ทางดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ คลินิก ไม่มีวิธีการรักษาด้วย PRP ในคลินิก แต่แนะนำจะให้คนไข้เลือกทำ Dual FMC (Fractional microcell + micro-mesotherapy) + cocktail พิเศษ แทน
เนื่องจาก coctail ที่ใช้ใน Dual FMC นั้นสามารถทดแทนคุณสมบัติใน PRP ได้ และยังสามารถกระตุ้นรากผมเพิ่มได้ด้วย Fraction needle with RF
และคนไข้สามารถปรับ เพิ่มชนิดของ coctail ได้อีก ตามลักษณะและความต้องการของคนไข้ เช่น การใช้ exosomes ทาร่วมด้วย
- Low Level Laser Therapy (LLLT) หรือ เลเซอร์จากคลื่นแสงความถี่ต่ำ (Low Level Laser Light)
ในปัจจุบันมีงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันชัดเจนแล้วว่า Low Level Laser Therapy นั้นสามารถรักษาภาวะผมบางจากพันธุกรรมได้ อีกทั้งยังปลอดภัย ไม่มีอันตรายใดๆ
เนื่องจากเป็นเพียงความยาวคลื่นแสงที่ไม่อันตราย และใช้พลังงานต่ำในการกระตุ้นรากผม
โดยแบ่ง LLLT ได้เป็นสองประเภท
- ประเภทเครื่องขนาดใหญ่ จะมีจำนวนหัวเลเซอร์มาก ส่วนมากจะมีราคาแพง จะมีตามคลินิกต่างๆ
- ประเภทพกพา (ซื้อใช้เองที่บ้าน) ในระยะแรกของงานวิจัย จะมีจำนวนหัวเลเซอร์น้อยกว่าขนาดใหญ่ จะใช้เป็นรูปแบบหวี ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนหัวเลเซอร์ที่ติดมา
แต่ปัจจุบัน เนื่องจากเป็นที่ยอมรับในการรักษาทั่วโลก จึงมีการพัฒนาไปได้มาก ทั้งรูปแบบที่หลากหลายขึ้น จำนวนหัวเลเซอร์ที่มากขึ้น และความสะดวกสบายในการสวมใส่
จนปัจจุบันประเภทพกพา คุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่า LLLT ประเภทเครื่องใหญ่ที่อยู่ตามคลินิกต่างๆเลย
รูปด้านบน LLLT แบบพกพา ในอดีตจะมีจำนวนหัวเลเซอร์น้อย
รูปด้านบน LLLT แบบเครื่องใหญ่ตามคลินิก จะมีจำนวนหัวเลเซอร์มากกว่า
ข้อควรทราบก่อนการรักษาด้วย LLLT
- ผลการรักษาเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ถือว่าได้ผลค่อนช้า และเส้นผมอาจจะไม่ได้ขึ้นหนามากนัก แต่หากทำเป็นประจำจะได้ผลการรักษาที่ดีขึ้นแน่นอน
- ควรทำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะเริ่มเห็นผลประมาณเดือนที่ 4- 6 เดือน และหากหยุดทำ ผมจะกลับมาบางเหมือนเดิม (เหมือนการรักษาผมบางจากพันธุกรรมด้วยวิธีอื่นๆ)
- หากทำน้อยกว่า 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือไม่ต่อเนื่องตลอดอย่างน้อย 3 เดือน จะไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก ได้แค่เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้รากผมแข็งแรงขึ้น แต่เส้นผมอาจจะไม่ได้หนามากขึ้น
- ดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ คลินิก ไม่มี LLLT ขนาดใหญ่ที่คลินิกให้บริการ เนื่องจาก การทำ LLLT ขนาดใหญ่ที่คลินิก ให้ได้ผลนั้นก็ต้องทำ 2-3 ต่อสัปดาห์ และติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นผล
ระยะเวลาการทำต่อครั้งอยู่ที่ 15-30 นาที และเมื่อได้ผลแล้ว ก็ต้องมาทำต่อเนื่องอีก เพื่อรักษาผลนั้นไว้ หากไม่ทำผมก็จะค่อยๆกลับไปบางใหม่ ตามเวลาที่ผ่านไป
ทางคลินิกจึงแนะนำ คนไข้ที่ต้องการทำหรือชอบการดูแลผมบางจากพันธุรรมด้วยวิธีนี้ ให้ซื้อ LLLT ขนาดพกพาไปใช้ที่บ้านเองจะคุ้มค่า และเป็นประโยชน์กับคนไข้มากกว่ามาก - กรณี คนไข้ต้องการซื้อ LLLT แบบพกพา ทางดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ คลินิก จะเป็นตัวแทนให้บริการติดต่อ ซื้อ LLLT ขนาดพกพายี่ห้อ hair max ให้ (เฉพาะคนไข้ที่รักษาเส้นผมกับทางคลินิกเท่านั้น)
โดยจะช่วยติดต่อ หรือประสานงานกับทางบริษัทให้ อย่างไรก็ตาม หากคนไข้สะดวกติดต่อซื้อเองได้ก็จะดีกว่า โดยทางคลินิกแนะนำ ยี่ห้อ hair max หรือ igrow - ราคา hair max ประมาณ 50,000-70,000 บาท ต่อเครื่อง
- ข้อดี ในการรักษาผมบางจากพันธุกรรมด้วย LLLT ในมุมมองของดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ คลินิก คือ LLLT เหมาะมากสำหรับนำมาผสมผสาน (combination) กับการรักษาแบบอื่นๆ เนื่องจาก หากรักษาด้วย LLLT อย่างเดียว จะใช้เวลาอย่างน้อย 4-6 เดือน ถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเส้นผม
และเส้นผมที่หนาขึ้นอาจจะไม่มาก แต่ถ้าหากช่วงแรกทำการรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การทำ dual FMC หรือ PRP จนกระทั่งเส้นผมหนาขึ้นระดับหนึ่ง หรือแข็งแรงแล้ว การทำ LLLT แบบพกพาที่บ้าน ในช่วงหลังจะเป็นการ maintain ผลการรักษาตอนแรกไม่ให้เสื่อมถอย
(เมื่อหยุดการรักษาร่วมในช่วงแรกไป) และ LLLT ขนาดใหญ่ที่คลินิกให้บริการนั้น อาจจะเหมาะสำหรับคนไข้หลังการปลูกผม ทำเพื่อเพิ่มปัจจัยบวกให้กับเส้นผมหลังปลูกผมไป
รูปด้านบน LLLT แบบพกพาในปัจจุบัน ซึ่งบางรุ่นมีจำนวนหัวเลเซอร์หลายหัว ให้ผลการรักษาที่ใกล้เคียงกับ LLLT เครื่องใหญ่ แต่สามารถทำเองได้ที่บ้าน
- การปลูกผมในการรักษาผู้หญิงผมบางจากพันธุกรรม
- การปลูกผมเพื่อรักษาผมบางจากพันธุกรรมในผู้หญิง มีเงื่อนไขที่ต่างจากผู้ชายมากมาก ให้ผลการรักษาที่ไม่ดีเท่ากับผู้ชาย ทำได้ยากมาก และมีโอกาสเกิดปัญหาตามมามาก
แพทย์จึงไม่แนะนำการปลูกผมเพื่อรักษาผมบางจากพันธุกรรมในผู้หญิง
- การปลูกผมเพื่อรักษาผมบางจากพันธุกรรมในผู้หญิง มีเงื่อนไขที่ต่างจากผู้ชายมากมาก ให้ผลการรักษาที่ไม่ดีเท่ากับผู้ชาย ทำได้ยากมาก และมีโอกาสเกิดปัญหาตามมามาก
- ยกเว้นบางกรณี เช่น การเปลี่ยนแนวเส้นผม (hair line) หรือที่เรียกว่าตีนผม หรือตำแหน่งง่ามของแนวเส้นผม ซึ่งสามารถทำได้ และให้ผลการรักษาที่ดีมาก และตรงกันข้ามกับผู้ชายคือ เมื่อปักผมในตำแหน่งนี้ไปแล้ว จะอยู่เป็นธรรมชาติไปตลอด ไม่จำเป็นจะต้องกังวล เรื่องการปักผมซ้ำในอนาคต เนื่องจากในผู้หญิง ในตำแหน่งแนว hair line นั้น มักไม่มีผลกจาก DHT เหมือนในผู้ชาย แต่เป็นรูปแบบแนวผมตามธรรมชาติของคนไข้เอง ดังนั้นหลังจากการปักผม จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องดูแลอะไรมากเป็นพิเศษ เส้นผมที่ปักก็จะคงอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ
- ในความเห็นของ ดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ คลินิก หากคนไข้ผู้หญิงคนไหน มีปัญหาเรื่องแนวเส้นผม
ที่ดูไม่หนา หรือในตำแหน่งง่ามผม เส้นผมดูไม่หนาหรือตำแหน่งลึกไปหน่อย (ต้องมีการตรวจจากแพทย์ที่ปลูกผมก่อน ว่าคนไข้มีปัญหาเรื่องผมบางจากพันธุกรรมร่วมด้วยหรือไม่) การปักผมถาวรน่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ในการรักษาใน condition นี้เมื่อไม่ได้พิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายร่วมด้วย
- ดีเพ็ญ–วรฤทธิ์ คลินิก ไม่มีบริการการปลูกผม
- ทางคลินิกยินดีแนะนำคลินิกปลูกผม (เฉพาะคนไข้ที่รักษากับทางคลินิก) ที่มีแพทย์ปลูกผมที่มีความสามารถ มีประสบการ์ณยาวนาน ได้มาตรฐานดีมาก สามารถไว้ใจ เชื่อใจในการดูแลปลูกผมระยะยาวให้ได้