รักษาผมบางจากพันธุกรรมในผู้ชาย แบบการใช้ยารับประทานยาปลูกผมร่วมด้วย

สิ่งที่ควรทราบ ก่อนจะตัดสินใจรักษาเรื่องผมบางจากพันธุกรรม หรือผมบางจากฮอร์โมน

  • ผมบางจากพันธุกรรม สาเหตุเกิดจากฮอร์โมน DHT ที่ร่างกายสร้างขึ้น ไม่สามารถกำจัดได้  การรักษาจึงเป็นการดูแลเพื่อให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น
    จนสามารถต่อสู้กับ DHT  ได้
  • เมื่อเส้นผมที่บาง หนาขึ้น แข็งแรงดีขึ้นแล้ว  เมื่อหยุดการรักษา ผมจะค่อยๆกลับมาบางใหม่ เนื่องจาก สาเหตุจาก DHT ยังคงอยู่มาตลอด
    แต่ปัจจัยการรักษาที่ทำให้ผมแข็งแรงได้หายไปแล้ว  ทำให้เส้นผมค่อยๆกลับไปบางเหมือนเดิม ตามเวลาที่ผ่านไป
    โดยเฉลี่ยประมาณ 3-6 เดือน คนไข้จะเริ่มรู้สึกถึงผมที่จะบางเร็วมากขึ้น หรือมีอาการผมร่วงที่รุนแรงขึ้น โดยขึ้นกับระยะเวลาและวิธี่ที่ใช้ดูแลเส้นผมก่อนหน้านี้
  • ดังนั้น การเลือกวิธีรักษา ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม ควรจะสามารถทำได้ต่อเนื่อง  เพื่อดูแลผลการรักษาให้ดีอยู่เสมอ
  • การรักษาด้วยวิธีที่มีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า  ไม่ได้หมายความว่าเมื่อหยุดการรักษาแล้ว เส้นผมจะไม่กลับไปบางเหมือนเดิม  แต่หมายถึง อาจจะได้ผลการรักษาที่ไวกว่า
    หรือได้ผลการรักษาที่เทียบเท่า หรืออาจจะน้อยกว่าการรักษาด้วยอื่นๆก็ได้ ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้รักษานั้นๆ ไม่ใช้ขึ้นกับราคาที่ใช้ในการรักษา
  • เช่น การรักษาด้วย PRP ติดต่อกัน  4-6 เดือน เมื่อเส้นผมดีขึ้น หนาเต็มแล้ว  เมื่อหยุดการทำ PRP เส้นผมที่หนาเต็มก็จะค่อยๆ กลับไปบาง ตามระยะเวลาที่ผ่านไป
    จนกระทั้งเส้นผมบางเหมือนที่ไม่เคยรักษามาก่อนได้

วิธีการรักษาที่ดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก ในกรณีรับประทานยาปลูกผมร่วมด้วย 

รายละเอียดการรักษา

  1. การรับประทานยาปลูกผม
  2. การรับประทานวิตามินต่างๆที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม ช่วยส่งเสริมคุณภาพเส้นผม
    ความเงา ความทนทาน ลดการหลุดร่วง และช่วยทำให้ผลของการรักษาด้วยยาทาต่างๆได้ผลที่ดีขึ้น
  3. การใช้ยาทาภายนอกชนิดต่างๆ ที่ให้ผลการรักษาที่ดี ตามหลักฐานงานวิจัยทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับแล้วว่ามีผลในการรักษาผมบางจากพันธุกรรม
  4. แชมพูเฉพาะของดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก  ใช้ปรับพื้นฐานหนังศีรษะให้สะอาดขึ้น ลดน้ำมันที่อยู่ในหนังศีรษะและรูเส้นผม (hair follicle) โดยไม่ทำให้หนังศีรษะแห้ง
    มีผลทำให้ปริมาณ DHT ที่ปริมาณ hair bulb ลดลง เป็นการลดปัจจัยลบที่ทำร้ายเส้นผม
    แชมพูจะช่วยลดภาวะการเกิด ต่อมไขมันอักเสบ (seborrheic dermatitis) หรือที่เรียกว่าเซบเดริม์ได้ด้วย ทำให้ภาวะผมร่วงแฝงที่เกิดจากภาวะผื่น
    หรือภาวะน้ำมันเกินที่หนังศีรษะ ดีขึ้นได้
  5. set ค่าใช้จ่าย 1,950 บาทต่อเดือน (fix ค่าใช้จ่ายต่อเดือน) โดยชนิด, ปริมาณของยารับประทานปลูกผม หรือการรับประทานวิตามินทดแทน
    และการใช้ยาทาภายนอกชนิดต่างๆ ร่วมในแต่ละเดือนนั้น แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้ตามความเหมาะสม ตามลักษณะของคนไข้แต่ละคน
  6. จะมีการวางแผนในการรักษาร่วมกัน และปรับการรักษาต่างๆ ให้เข้ากับความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน
    ร่วมกับการพิจารณาการพักยารับประทานเป็นระยะๆ (แล้วกลับมารับประทานใหม่)   โดยที่ผลของการรักษายังคงอยู่ ไม่กลับไปมีผมที่บางใหม่
    โดยอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นผู้ประเมิน ไม่มีระยะเวลาการหยุดยาที่เป็นตัวเลขตายตัว เนื่องจาก ต้องประเมินจากภาวะเส้นผมบางในแต่ละคน
    ร่วมกับ ประเมินการตอบสนองในระหว่างการรักษาก่อนหน้าที่เกิดขึ้น  และติดตามผลการพักยารับประทาน ว่าเส้นผมมีแนวโน้มความแรงแข็งเพียงพอที่จะต่อสู้กับ DHT อยู่หรือไม่

ข้อควรทราบ

  • คนไข้ที่รักษาด้วย set ยารับประทานและยาทาภายนอก (1,950 /เดือน) กับทาง ดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก ที่อยู่ในกลุ่มผมบางจากพันธุกรรมชนิดไม่รุนแรง จนกระทั่งถึง ชนิดปานกลางแต่เริ่มรักษาเร็ว คนไข้ที่เคยรับการรักษากับทางคลินิกมาก่อนนั้น เกือบทั้งหมด จะให้ผลการรักษาที่น่าพึ่งพอใจมากแล้ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำการรักษาอื่นๆร่วมด้วย เช่น การทำ Fractional Laser, mesohair ,PRP หรือ LLLT เป็นต้น
  • การทำ  Fractional Laser, mesohair, หรือ PRP เสริม อาจจะเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการเร่งผลการรักษาให้ไวขึ้น และทำในช่วงเดือนแรกๆของการรักษา
    ควบคู่กับการรับประทานยาร่วมด้วย เมื่อผมขึ้นเต็มแล้ว ก็สามารถหยุดทำได้ เหลือแต่การรับประทานยา กับยาทาต่างๆที่คลินิกให้ไป หรือเหมาะกับคนไข้ที่มีผมบางจากพันธุกรรมชนิดรุนแรง และเริ่มรักษาช้า จนกระทั่งเกิดเส้นผมชนิดที่เล็กมากจนเป็นไรขน ตอบสนองจาก set การรักษาปกติ ที่ทางคลินิกให้ไปแล้วระดับหนึ่ง แต่ผมยังขึ้นไม่เต็มที่ เลยต้องการเพิ่มโอกาสให้ผมขึ้นเต็มมากขึ้น เป็นต้น
  • ผลข้างเคียงของยารับประทานปลูกผม ยาทุกตัวย่อมมีผลข้างเคียง  ยาปลูกผมก็เป็นยาที่มีอาจจะผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ในในคนไข้บางคน แต่ไม่อันตราย และผลข้างเคียงมีโอกาสเกิดน้อย  และเมื่อเกิดขึ้นมา เมื่อหยุดยาจะค่อยๆกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้
  • ผลข้างเคียงของยารับประทานปลูกผม บางชนิดสามารถป้องกัน หรือคาดเดาได้ล่วงหน้าว่ามีโอกาสเกิดขึ้น สามารถคัดกรองคนไข้ออกก่อนได้ โดยอาศัยประสบการณ์ในการรักษาของแพทย์ หรือการติดตามผลการรักษาหลังจากรับประทานยาไปแล้ว เนื่องจากการเกิดผลข้างเคียงของยารับประทานเส้นผม ในตัวยาแต่ละตัวนั้นไม่เหมือนกัน และจะมีช่วงเวลาในการเกิดขึ้น แตกต่างกันออกไป
  • ดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก จะมีการประเมินสภาพร่างกายปัจจุบัน และสภาพจิตใจคนไข้ก่อนการรักษา โดยแพทย์เป็นคนตัดสินใจ ว่าคนไข้สามารถทานยาปลูกผมได้หรือไม่ ถ้าสามารถทำได้ ควรจะใช้ยาตัวไหน และปริมาณเท่าไหร่
  • ในคนไข้ที่มีความกังวลใจเรื่องผลข้างเคียงของการทานยารับประทานปลูกผมมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการรักษาระยะเวลานาน ทางคลินิกแนะนำให้
    เลือกวิธีการรักษาด้วยวิธีอื่นแทนการรับประทานยา เพื่อความสบายใจของการรักษา
  • ทางคลินิกจะมีการติดตามดูอาการคนไข้เป็นระยะๆ สามารถบอกผลข้างเคียงได้ในระยะแรกๆ เพื่อความสบายใจของคนไข้ที่รับประทานยาต่อเนื่อง

           การหยุดยาปลูกผม

  • การหยุดยาปลูกผมโดยไม่ทานอีกเลย หลังจากที่เส้นผมขึ้นหนาจนเต็มแล้วนั้น  ผลจากตัวยารักษาจะค่อยๆหายไป ในขณะที่ DHT ยังคงอยู่ สุดท้ายเส้นผมจะค่อยๆบางไปเรื่อยๆ จนกระทั้่งมีโอกาสกลับมาบางเหมือนเดิม (เหมือนไม่เคยรักษา) ภายในระยะเวลา 3-8 เดือน ขึ้นกับผลการรักษาก่อนหน้านี้
  • ดังนั้นการหยุดรับประทานยาเส้นผมแล้ว เส้นผมจะไม่กลับไปบางอีกนั้นเป็นไปไม่ได้**  แต่ถ้าหยุดรับประทานยาเป็นระยะๆ แล้วกลับมารับประทานยาใหม่
    เป็นระยะๆนั้น แล้วเส้นผมคงสภาพเหมือนเดิม หรือใกล้เคียงเดิมนั้น เป็นไปได้*
  • จากประสบการณ์การรักษา คนไข้ผมบางจากพันธุ์กรรมที่ ดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก เจอมาตลอดเกือบ 20 ปี นั้น เจอคนไข้ทดลองหยุดยาเอง แล้วกลับมาทานยาใหม่ทุกรูปแบบ  ทุกช่วงระยะเวลา ไม่ว่าจะระยะเวลายาว หรือระยะเวลาสั้น  หรือแม้กระทั้งคนไข้ทดลองลดยาเอง คิดปรับปริมาณ
    และวิธีรับประทานยาเอง เมื่อมีปัญหาจึงกลับมาให้แพทย์ช่วยแก้ไข
  • ดังนั้น เมื่ออาศัยความรู้เกี่ยวกับอายุรอบของเส้นผม (hair cycle) , ความรู้เรื่องตัวยาเส้นผม ร่วมกับประสบการณ์การรักษาที่ผ่านมา ทางคลินิก จึงสามารถลดปริมาณยารับประทานให้น้อยลงได้ โดยมีช่วงระยะเวลาหนึ่งที่คนไข้ไม่ต้องรับประทานยาเลย ก่อนจะกลับมารับประทานยาใหม่อีกครั้ง โดยที่ยังคงผลการรักษายังคงเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงเดิม
  • ระยะเวลาการหยุดยารับประทาน หรือพักยารับประทานนั้น จะขึ้นกับความรุนแรงของปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์เดิมของคนไข้, ระยะเวลาที่รักษามาก่อนหน้านี้ผลการรักษา ณ ปัจจุบัน ว่าตอบสนองได้ดีแค่ไหน อาศัยประสบการณ์การรักษาของแพทย์  จึงจะกำหนดระยะเวลาการพักยารับประทานในคนไข้แต่ละคนได้  ไม่สามารถกำหนดเป็นสูตรการหยุดยาตายตัวได้

    การรักษาเสริม
    หรือการรักษาทางเลือกที่ดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก 
  •  
  • Dual FMC ( Fractional microcell + micro-mesotherapy)
    ปัจจุบันการมีการยอมรับว่าการใช้ Fractional Laser (fraxel, finescan, fotona,และอื่นๆรวมถึง Fraction needle with RF มีประโยชน์ในการรักษาผมบางจากพันธุกรรม
  • Fractional microcell จะปล่อยตัวคลื่น RF ผ่าน micro-needle ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นคลื่นความร้อน ส่งผลให้มีการกระตุ้น
    การไหลเวียนของเลือดของปลายรากผมได้ดี  เมื่อระบบไหลเวียนโลหิตบริเวณรากผมดีขึ้น   สารอาหารต่างๆ รวมถึง อ๊อกซิเจนจะถูกลำเลียงเข้าสู่รากผมได้ดีมากขึ้น โดยตัวเลเซอร์ RF ไม่มีอันตรายต่อเนื้อเยื่อต่างๆโดยรอบ อีกทั้งยังสามารถกระตุ้น cell รากเส้นผมได้เป็นบริเวณกว้าง และมีความลึกที่พอดี ใกล้เคียงตำแหน่งปลายรากผม เส้นผมจะแข็งแรงขึ้น และมีขนาดเส้นผมที่โตขึ้นได้
  • Micro-mesotherapy : micro-needle ที่ใช้จะสร้าง ช่องขนาดเล็กๆกระจายตามหนังศีรษะที่ทำ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารบำรุงเส้นผมและรากผม (cocktail พิเศษ) ที่ดีเพ็ญวรฤทธิ์ ใช้ร่วมกับ dual FMC  โดยที่ไม่ได้ทิ้งแผลอะไรไว้ และไม่ต้องฟักฟื้นหลังทำ สามาถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ โดยผล micro-mesotherapy ร่วมกับการทำ Fractional microcell นั้นจะให้ผลการรักษาที่น่าพึ่งพอใจมากกว่า การทำ meso-hair เพียงอย่างเดียว หรือการทำ fractional laser เพียงอย่างเดียว
  • สารบำรุงเส้นผม รากผม (cocktail พิเศษจะทำหน้าที่บำรุงรากผม และกระตุ้นรากผมให้สร้างเนื้อผม (hair matrix) มากขึ้น ตามหน้าที่ของ coctail แต่ละชนิดที่ใช้ ทำให้ผมที่บางหนาขึ้น มีปริมาณและขนาดที่เพิ่มมากขึ้น
  • ค่าใช้จ่าย Dual FMC (Fractional microcell + micro-mesotherapy) + cocktail  ราคา  5,000 บาทต่อครั้ง โดยปกติแนะนำทำเดือนละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3 ครั้ง  หรือจนกระทั่งเห็นผลที่พึ่งพอใจ
  • Meso Hair  คือการการใช้เข็มสะกิด หรือผ่านเครื่องมือช่วยยิง บริเวณหนังศีรษะให้เกิดรูเล็กๆ และใช้สารที่มีประโยชน์ต่างๆ (cocktail) ในการดูแลเส้นผมปล่อยซึมเข้าหนังศีรษะ เป็นวิธีที่ใช้ในการกระตุ้นรากผม และส่งสารอาหารที่จำเป็น เข้าสู่เส้นผม หนังศีรษะได้โดยตรง
    ทางคลินิกไม่มีบริการนี้ เนื่องจาก ทางคลินิกเห็นว่าการทำ dual FMC จะให้ผลการรักษาที่ดีกว่า

  • PRP (platelet rich plasma)
    ปัจจุบันวิธีนี้เป็นที่ยอมรับว่า สามารถรักษาผมบางจากพันธุกรรมได้ผล หากคนไข้สามารถทำต่อเนื่องได้
    ทางดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก ไม่มีวิธีการรักษาด้วย PRP ในคลินิก  แต่แนะนำจะให้คนไข้เลือกทำ Dual FMC (Fractional microcell + micro-mesotherapy) + cocktail พิเศษ แทน
    เนื่องจาก coctail ที่ใช้ใน Dual FMC นั้นสามารถทดแทนคุณสมบัติใน PRP ได้ และยังสามารถกระตุ้นรากผมเพิ่มได้ด้วย Fraction needle with RF และคนไข้สามารถปรับ เพิ่มชนิดของ coctail ได้อีก ตามลักษณะและความต้องการของคนไข้  เช่น การใช้ exosomes ทาร่วมด้วย

  • Low Level Laser Therapy (LLLT)  หรือ เลเซอร์จากคลื่นแสงความถี่ต่ำ (Low Level Laser Light)

ในปัจจุบันมีงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันชัดเจนแล้วว่า Low Level Laser Therapy  นั้นสามารถรักษาภาวะผมบางจากพันธุกรรมได้ อีกทั้งยังปลอดภัย ไม่มีอันตรายใดๆ
เนื่องจากเป็นเพียงความยาวคลื่นแสงที่ไม่อันตราย และใช้พลังงานต่ำในการกระตุ้นรากผม
โดยแบ่ง LLLT ได้เป็นสองประเภท

  1. ประเภทเครื่องขนาดใหญ่  จะมีจำนวนหัวเลเซอร์มาก ส่วนมากจะมีราคาแพง จะมีตามคลินิกต่างๆ
  2. ประเภทพกพา (ซื้อใช้เองที่บ้าน) ในระยะแรกของงานวิจัย จะมีจำนวนหัวเลเซอร์น้อยกว่าขนาดใหญ่ จะใช้เป็นรูปแบบหวี ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนหัวเลเซอร์ที่ติดมา
    แต่ปัจจุบัน เนื่องจากเป็นที่ยอมรับในการรักษาทั่วโลก จึงมีการพัฒนาไปได้มาก ทั้งรูปแบบที่หลากหลายขึ้น จำนวนหัวเลเซอร์ที่มากขึ้น และความสะดวกสบายในการสวมใส่
    จนปัจจุบันประเภทพกพา คุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่า  LLLT ประเภทเครื่องใหญ่ที่อยู่ตามคลินิกต่างๆเลย

รูปด้านบน LLLT แบบพกพา ในอดีตจะมีจำนวนหัวเลเซอร์น้อย

รูปด้านบน LLLT แบบเครื่องใหญ่ตามคลินิก จะมีจำนวนหัวเลเซอร์มากกว่า

ข้อควรทราบก่อนการรักษาด้วย LLLT

  • ผลการรักษาเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ถือว่าได้ผลค่อนช้า และเส้นผมอาจจะไม่ได้ขึ้นหนามากนัก แต่หากทำเป็นประจำจะได้ผลการรักษาที่ดีขึ้นแน่นอน
  • ควรทำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ  จะเริ่มเห็นผลประมาณเดือนที่ 4- 6 เดือน และหากหยุดทำ ผมจะกลับมาบางเหมือนเดิม (เหมือนการรักษาผมบางจากพันธุกรรมด้วยวิธีอื่นๆ)
  • หากทำน้อยกว่า 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือไม่ต่อเนื่องตลอดอย่างน้อย 3 เดือน จะไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก  ได้แค่เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้รากผมแข็งแรงขึ้น แต่เส้นผมอาจจะไม่ได้หนามากขึ้น
  • ดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก ไม่มี LLLT ขนาดใหญ่ที่คลินิกให้บริการ เนื่องจาก   การทำ LLLT ขนาดใหญ่ที่คลินิก ให้ได้ผลนั้นก็ต้องทำ 2-3 ต่อสัปดาห์ และติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 เดือน  ถึงจะเริ่มเห็นผลระยะเวลาการทำต่อครั้งอยู่ที่ 15-30 นาที และเมื่อได้ผลแล้ว ก็ต้องมาทำต่อเนื่องอีก เพื่อรักษาผลนั้นไว้  หากไม่ทำผมก็จะค่อยๆกลับไปบางใหม่ ตามเวลาที่ผ่านไปทางคลินิกจึงแนะนำ คนไข้ที่ต้องการทำหรือชอบการดูแลผมบางจากพันธุรรมด้วยวิธีนี้ ให้ซื้อ LLLT ขนาดพกพาไปใช้ที่บ้านเองจะคุ้มค่า และเป็นประโยชน์กับคนไข้มากกว่ามาก
  • กรณี คนไข้ต้องการซื้อ LLLT แบบพกพา ทางดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก จะเป็นตัวแทนให้บริการติดต่อ ซื้อ LLLT ขนาดพกพายี่ห้อ hair max ให้ (เฉพาะคนไข้ที่รักษาเส้นผมกับทางคลินิกเท่านั้น)
    โดยจะช่วยติดต่อ หรือประสานงานกับทางบริษัทให้ อย่างไรก็ตาม หากคนไข้สะดวกติดต่อซื้อเองได้ก็จะดีกว่า โดยทางคลินิกแนะนำ ยี่ห้อ hair max หรือ igrow
  • ราคา hair max ประมาณ 50,000-70,000 บาท ต่อเครื่อง
  • ข้อดี ในการรักษาผมบางจากพันธุกรรมด้วย LLLT ในมุมมองของดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก คือ LLLT เหมาะมากสำหรับนำมาผสมผสาน (combination) กับการรักษาแบบอื่นๆ  เนื่องจาก หากรักษาด้วย LLLT อย่างเดียว จะใช้เวลาอย่างน้อย 4-6 เดือน ถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและเส้นผมที่หนาขึ้นอาจจะไม่มาก  แต่ถ้าหากช่วงแรกทำการรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การทำ dual FMC หรือ PRP จนกระทั่งเส้นผมหนาขึ้นระดับหนึ่ง  หรือแข็งแรงแล้ว การทำ LLLT แบบพกพาที่บ้าน ในช่วงหลังจะเป็นการ maintain ผลการรักษาตอนแรกไม่ให้เสื่อมถอย (เมื่อหยุดการรักษาร่วมในช่วงแรกไป) และ LLLT ขนาดใหญ่ที่คลินิกให้บริการนั้น อาจจะเหมาะสำหรับคนไข้หลังการปลูกผม  ทำเพื่อเพิ่มปัจจัยบวกให้กับเส้นผมหลังปลูกผมไป

   รูปด้านบน  LLLT แบบพกพาในปัจจุบัน ซึ่งบางรุ่นมีจำนวนหัวเลเซอร์หลายหัว ให้ผลการรักษาที่ใกล้เคียงกับ LLLT เครื่องใหญ่ แต่สามารถทำเองได้ที่บ้าน

  • การปลูกผม
    เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน และได้ผลถาวรเมื่อเส้นผมที่ปลูกแข็งแรงแล้ว เส้นผมที่ย้ายมาปลูกก็จะไม่มีขนาดเล็กลงตามเวลาที่ผ่านไป

  • การปลูกผมเหมาะกับใคร
    • การปลูกผมไม่ได้เหมาะกับคนไข้ทุกคนที่มีปัญหาผมบางจากพันธุกรรม
    • เหมาะกับคนไข้ที่ผมบาง บางกลุ่ม เช่น คนไข้ที่มีผมบางจากพันธุกรรมไม่มาก หรือบางเป็นตำแหน่ง เช่น บางตรงตำแหน่งง่าม 2 ข้างของแนวเส้นผม หรือเป็นการเสริมแนว hair line ใหม่ ให้ดีขี้น เป็นต้น
    • ไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีผมบางจากพันธุกรรมชนิดรุนแรง หรือคาดเดาได้ว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องผมบางจากพันธุกรรมรุนแรงในอนาคต เป็นต้น
  • ข้อควรทราบก่อนการปลูกผม
    • เส้นผมที่ย้ายมาปลูก (บริเวณท้ายทอย) จะอยู่ถาวรเพราะทนทานต่อ DHT ได้ แต่เส้นผมปกติที่ไม่ได้ปลูกของคนไข้ จะเปลี่ยนแปลงบางไปเรื่อยๆตามกาลเวลา และแปรผันตามความรุนแรงของกรรมพันธุ์
    • นั้นคือ เส้นผมที่ย้ายมาปลูกจะไม่บาง แต่เส้นผมอื่นๆจะค่อยๆบางไปเรื่อยๆตามเวลา และความรุนแรงขึ้นกับกรรมพันธุ์ในคนไข้แต่ละคน
    • ดังนั้น การปลูกผมจึงควรทำให้คนไข้ที่มีผมบางประเภทไม่รุนแรงมากเกินไป เพราะถ้ารุนแรงมาก ปลูกผมตอนอายุน้อย แต่ในอนาคตเมื่ออายุมากขึ้น ผมบางมากขึ้นแล้ว ต่อให้มีเงินมากแค่ไหน
      แต่ปริมาณเส้นผมที่จะย้ายมาปลูก (กราฟ) ไม่พอนั้นเอง
    • การปลูกผมควรจะวางแผนปลูกซ้ำทุกๆ 5-10 ปี เพื่อเติมช่องว่างของเส้นผมบางที่เกิดขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
    • คนไข้ที่ผ่านการปลูกผมนั้น ควรให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาเส้นผมที่ปกติที่เหลือไว้ให้อยู่กับเราได้นานที่สุด บางให้ช้าที่สุด เพื่อประหยัดกราฟที่จะใช้ในอนาคต และเพื่อลดระยะเวลาที่จะต้องทำการปลูกผมซ้ำให้ช้ามากขึ้น
      หากดูแลได้ดี อาจจะไม่จำเป็นต้องปลูกผมซ้ำอีกก็ได้
    • การทานยาปลูกผม เป็นวิธีที่ให้ผลการรักษา และป้องกันผมบางที่ได้ผลดีมาก โดยมีค่าใช้จ่ายน้อย  ดังนั้น คนไข้ที่ปลูกผมกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม แพทย์ส่วนมากจะแนะนำให้ทานยาปลูกผมบางตัวร่วมด้วย เพื่อผลประโยชน์ของคนไข้ในอนาคต แต่คนไข้สามารถเลือกไม่รับประทานยาได้
      ขึ้นกับความเห็นของแพทย์ที่ปลูกรักษาผม  แต่ควรจะมีวิธีอื่นๆในการดูแลเส้นผม เพื่อลดภาระการปลูกผมในอนาคต (ยกเว้นบางกรณี เช่น คนไข้ผมบางบางตำแหน่ง, การเปลี่ยนแนว hair line เป็นต้น ก็อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องปลูกผมซ้ำในอนาคต ทำเพียงการดูแลอื่นๆก็เพียงพอ)
    • คนไข้ที่มีความต้องการทานยารักษาผมร่วมด้วยอยู่แล้ว แนะนำให้ทานยารักษาเส้นผมไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือน แล้วจึงไปปลูกผม จะปลูกผมได้สวยงามมากขึ้น ลดโอกาสกราฟเสียมากขึ้น
      ลดปริมาณกราฟที่ใช้ปลูกลงได้ จึงลดค่าใช้จ่ายในการปลูกผมได้ ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้ สามารถเตรียมไว้ปลูกผมเพิ่มในอนาคตได้
    • ดีเพ็ญวรฤทธิ์ คลินิก ไม่มีบริการการปลูกผม
    • ทางคลินิกยินดี แนะนำคลินิกปลูกผม (เฉพาะคนไข้ที่รักษากับทางคลินิก) ที่มีแพทย์ปลูกผมที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ ได้มาตรฐาน ในการดูแลปลูกผมให้ได้

Scroll to Top